Loading...

How to Find ค้นหาอย่างไรให้ใช่สำหรับคุณ

        นักเรียนไทยไม่สามารถค้นพบสิ่งที่ตนเองอยากเรียนต่อได้ !!!  กว่า 60% เด็กม.ปลายทั่วประเทศที่กำลังเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ไม่รู้จะเรียนต่ออะไร ....

        “ครูแนะแนว”เปรียบเสมือนประตูด่านแรกสำหรับเด็กที่กำลังเติบโตในสังคมและเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ

        นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ ระดมความคิด ถึงปัญหาต่าง ๆ ภายใต้หัวข้อ “ปัญหานักเรียนไทยไม่สามารถค้นพบสิ่งที่ตนเองอยากเรียนต่อได้” โดยได้สำรวจและเก็บข้อมูลพบว่า ร้อยละ 92.3 จากนักเรียนกลุ่มตัวอย่างชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ทั้งหมด 78 คน มีความต้องการศึกษาต่อ แต่มีจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถค้นหาในสิ่งที่ตนเองเรียนต่อได้

        ปัจจุบันต้องยอมรับว่าระบบการศึกษายังไม่ตอบโจทย์การเข้าศึกษาต่อของนักเรียน จะเห็นได้ว่าตลอด 20 ปี ที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยนวิธีการเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยหลายครั้งทำให้บางโรงเรียนไม่มีกระบวนการวางแผนที่ดีให้กับนักเรียน ทำให้นักเรียนไม่ได้รับการสนับสนุนจากครูเท่าที่ควร

        ปัจจัยของระบบการศึกษาที่ทำให้นักเรียนหาตัวเองไม่เจอคือ ด้านการจัดการเรียนการสอน หลักสูตร การศึกษาแกนกลางที่ไม่ได้ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง จนทำให้เด็กเกิดความกลัว และสับสนว่าโตไปจะประกอบ อาชีพอะไร อีกทั้งวิชาต่าง ๆ ในโรงเรียนก็ยังไม่สามารถทำให้เด็กเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่าตนเองสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปต่อยอดเพื่อประกอบอาชีพอย่างไรได้บ้าง

        จากที่ได้ทำการสำรวจและหาข้อมูลพบว่า “วิชาแนะแนว” มีส่วนสำคัญที่จะสามารถสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับนักเรียนได้ นักเรียนหลายคนได้รับการแนะแนวในเรื่องของการวางแผนการเรียนต่อไม่เท่าที่ควร ครูผู้สอนยังขาดความเชี่ยวชาญด้านการแนะแนวในบางแง่มุม

        เราจึงร่วมกันออกแบบนวัตกรรมที่เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ที่ครูแนะแนวสามารถนำไปใช้ได้จริง ส่งเสริมการเรียนในรูปแบบที่สนุกสนาน แต่แฝงเป้าหมายของการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูและนักเรียน ทำให้นักเรียนสามารถเรียนไปด้วยและค้นหาตัวเองไปด้วย เพื่อการวางแผนการเรียน ไปจนถึงการประกอบอาชีพในอนาคต

        เสียงสะท้อนของผู้เข้าร่วม หลังจากทำกิจกรรม How to find? ค้นหาอย่างไรให้ใช่สำหรับคุณ ที่จัดขึ้นไปเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก เพราะผู้เข้าร่วมได้รับความรู้ใหม่ในหลากหลายด้าน ได้ประสบการณ์ใหม่ และยังได้วางแผนการเรียนต่อ รวมทั้งคำแนะนำดีๆ จากพี่ๆที่กำลังศึกษาอยู่หลากหลายคณะฯ อีกทั้งยังทำให้รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนว่าควรพัฒนาจุดไหน ปรับปรุงจุดไหน  กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่สนุก ไม่น่าเบื่อ เป็นการแนะแนวทางการเรียนต่อที่น้องๆอยากให้จัดขึ้นอีกทุกปี

ที่มา : โครงการนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลง (Innovative Project for Change)  ของนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อ่านบทความต่อไป …..คุณค่าของงานศิลปะที่ถูกมองข้ามในยุคสมัยที่สังคมเปลี่ยนแปลงไป (ART IS ALL AROUND)......