Loading...

อัตลักษณ์ ความสัมพันธ์ และการเรียนรู้ร่วมกันในสังคมที่หลากหลาย

        ในทุกช่วงวัยของชีวิต มนุษย์ต่างแสวงหาการเรียนรู้และความเข้าใจ ทั้งต่อตัวเองและต่อผู้คนรอบข้าง อัตลักษณ์ของบุคคล จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของ “ใครเป็นใคร” แต่ยังสะท้อนถึงรากฐานทางวัฒนธรรม ความเชื่อ ประสบการณ์ชีวิต และบทบาททางสังคมที่แต่ละคนแบกรับ ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ก็เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เราทำความเข้าใจตนเองผ่านสายตาของผู้อื่น และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความหลากหลายด้วยความเคารพและเกื้อกูล

        บทความนี้ LSEd Let’s Talk ชวนสำรวจความเชื่อมโยงระหว่าง “อัตลักษณ์” กับ “ความสัมพันธ์” ผ่านบทสัมภาษณ์จาก ผศ.ภญ.ดร.ฝน นิลเขต หรือ อ.ฝน อาจารย์ประจำคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้สนใจประเด็นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ การอยู่ร่วมกับความหลากหลาย และการออกแบบพื้นที่การเรียนรู้ให้เปิดกว้างต่ออัตลักษณ์ของผู้เรียน

        อ.ฝน มองว่า “มิตรภาพ” ทั้งในห้องเรียนและในสังคม เป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของมนุษย์ เพราะความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับนักเรียนสามารถสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” และ “สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้” ที่เอื้อต่อการสร้างการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ตลอดจนสร้างความเชื่อใจ ความเคารพระหว่างกัน ทำให้สามารถพูดคุยกันได้อย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา และนำไปสู่การที่ผู้เรียนกล้าที่จะลองผิดลองถูกในชั้นเรียน เพราะความสัมพันธ์ตั้งอยู่บนความเคารพ และความไว้วางใจกันและกัน

        ในระดับสังคม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน หรือชุมชน มิตรภาพที่ดีจะช่วยสร้างบรรยากาศแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน โดยเฉพาะในสังคมที่มีความแตกต่างหลากหลาย ความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความเชื่อใจ การเคารพ และการสื่อสารอย่างเปิดเผย พื้นที่นั้นก็จะเปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น มองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ ๆ และร่วมกันพัฒนาสังคมผ่านมุมมองที่หลากหลายเหล่านั้น

        ทั้งหมดนี้ จึงอาศัยมาจากมิตรภาพที่ดีระหว่างมนุษย์ ที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้แลกเปลี่ยนในสังคม

รูปแบบความสัมพันธ์: พื้นฐานของการอยู่ร่วมกันและเรียนรู้ในสังคม

        เมื่อการศึกษาเป็นพื้นที่ของการอยู่ร่วมกัน อ.ฝน กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมีหลายรูปแบบที่สำคัญและส่งผลต่อการเรียนรู้ ทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคม

        รูปแบบแรกคือ ความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยเริ่มต้นของการเรียนรู้ในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ ครอบครัวเล็ก หรือครอบครัวที่มีเพียงผู้ปกครองกับเด็ก ก็ล้วนเป็นพื้นที่สำคัญที่ส่งเสริมความมั่นคงทางอารมณ์และการเติบโต ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว จึงเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการเรียนรู้และเติบโต ครอบครัวที่สนับสนุนให้สมาชิกค้นหาตัวตน/ความชอบของตนเอง รับฟังกันและกัน ให้อภัยเมื่อผิดพลาด ย่อมช่วยให้เด็กมีความมั่นใจ และรู้สึกปลอดภัยในการเรียนรู้

        ความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน ก็เป็นอีกรูปแบบที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการเรียนรู้ที่มีความหมาย ครูสามารถสร้างบรรยากาศในห้องเรียนที่เปิดกว้าง โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม เช่น การร่วมกันกำหนดกฎกติการ่วมกัน หรือการรับฟังเสียงของนักเรียนอย่างจริงจัง เมื่อผู้เรียนรู้สึกว่าเสียงของตนมีความหมาย ก็จะรู้สึกเป็นเจ้าของการเรียนรู้ เพราะเสียงของเขาได้รับการรับฟังจากครูและเพื่อนร่วมชั้นเรียน

        อีกหนึ่งรูปแบบที่สำคัญคือ ความสัมพันธ์ในบริบทของการทำงานหรือในองค์กร ความสัมพันธ์ที่ดีในหน่วยงานช่วยส่งเสริมความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม ทำให้สมาชิกเกิดการมีส่วนร่วม และนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และร่วมกันสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เคารพในความหลากหลาย ซึ่งเป็นฐานของการเรียนรู้ที่ยั่งยืนในระดับสังคม

“อัตลักษณ์” ปัจจัยสำคัญในการเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น

        อ.ฝน มองว่า “อัตลักษณ์” ของผู้เรียนมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้และการปฏิสัมพันธ์ในสังคม เนื่องจากอัตลักษณ์ของแต่ละคนล้วนหล่อหลอมมาจากภูมิหลัง สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อ และประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน ความแตกต่างเหล่านี้ทำให้ผู้เรียนแต่ละคนมีมุมมองเฉพาะตัวในการเรียนรู้ และส่งผลต่อวิธีที่พวกเขาสื่อสาร หรือมีส่วนร่วมกับผู้อื่น

        โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์มักรู้สึกสบายใจเมื่อได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้ที่มีพื้นฐานหรือความเข้าใจร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ในห้องเรียนหรือที่ทำงานที่มีความหลากหลายทางอัตลักษณ์ เช่น ความต่างด้านภาษา เชื้อชาติ เพศ สถานะทางเศรษฐกิจ หรือศักยภาพในการเรียนรู้ ความหลากหลายนี้อาจทำให้บางคนรู้สึกโดดเดี่ยวหรือแยกตัวจากกลุ่มได้หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม

        ดังนั้น การสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ซึ่งตั้งอยู่บนความเคารพ ความเข้าใจ และมิตรภาพที่ดี จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ครูควรออกแบบห้องเรียนให้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เรียนทุกคน โดยไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เช่นเดียวกับองค์กรที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ก็ต้องเปิดพื้นที่ให้พนักงานได้เรียนรู้ เข้าใจ และเห็นคุณค่าของความแตกต่างระหว่างกัน เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ และส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันในระยะยาว

การเข้าใจและเคารพความแตกต่าง รากฐานที่นำไปสู่ความสัมพันธ์อันดี

        อ.ฝน กล่าวว่า การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เกื้อกูลกันในสังคม และรู้จักอัตลักษณ์ที่แตกต่างหลากหลาย สิ่งสำคัญที่ควรปลูกฝังให้กับผู้เรียน คือ การเข้าใจและเคารพความแตกต่าง ตระหนักว่าแต่ละคน แต่ละสังคมมีรากทางวัฒนธรรม ความเชื่อ และประสบการณ์ที่แตกต่างกัน

        หนึ่งในแนวทางที่ อ.ฝน นำมาใช้ในการสอนและวิจัย คือการให้นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับคนในชุมชนหรือองค์กรภายนอก ซึ่งทำให้นักศึกษาได้พบเจอผู้คนที่มีพื้นเพ มุมมอง และวิถีชีวิตที่แตกต่างจากตนเอง ประสบการณ์เช่นนี้จะเกิดพลังในการเรียนรู้อย่างแท้จริง เมื่อมี “พื้นที่สะท้อนคิด” (reflection) ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้พูดคุย แลกเปลี่ยน และทบทวนสิ่งที่ได้พบเจอร่วมกัน

        ตัวอย่างเช่น การเรียนในคณะที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาชั้นปีที่สองได้เข้าไปเรียนรู้ร่วมกับชุมชน นอกจากจะช่วยให้พวกเขาได้สัมผัสความหลากหลายในสังคมแล้ว ยังเป็นการฝึกฝนการฟังอย่างลึกซึ้ง การเข้าใจความเชื่อต่าง ๆ และการมองผู้อื่นด้วยความเคารพ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น เกื้อกูลกัน และเคารพความหลากหลายของผู้อื่น

        จากบทสนทนากับ อ.ฝน เราจะเห็นว่า มิตรภาพ ความสัมพันธ์ และอัตลักษณ์ของผู้เรียน ไม่ได้แยกขาดจากกระบวนการเรียนรู้ แต่คือหัวใจสำคัญของการออกแบบการเรียนรู้ให้มีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว ระหว่างครูกับนักเรียน หรือในองค์กร ทุกความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความเคารพและการฟังเสียงของกันและกัน

        อัตลักษณ์ของบุคคล จึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องปรับให้ทุกคนเป็นหรือคิดเหมือนกัน หากแต่ทุกอัตลักษณ์และทุกความเชื่อควรได้รับการยอมรับ เข้าใจ และเปิดพื้นที่ให้ได้เติบโตอย่างสันติ พร้อมกับการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งในบริบทการศึกษา บทเรียนจากการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน การสะท้อนประสบการณ์ และการออกแบบพื้นที่ปลอดภัย ล้วนเป็นตัวอย่างที่สะท้อนว่า การศึกษาไม่เพียงเกี่ยวข้องกับ “ความรู้” แต่ยังรวมถึง การเติบโตเป็นมนุษย์ที่เคารพในความแตกต่าง และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมที่มีความหลากหลาย

เรียบเรียงโดย นวนันต์ เกิดนาค